วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Search Engine


Search  Engine


ความหมายของ  Search  Engine

        Search  Engine  คือ  โปรแกรมที่ออกแบบมาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการค้นหาคำสั้นๆหรือที่เรียกว่า   keyword   หรือคำค้นต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งข้อมูลนั้นอาจอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์  ไฟล์เอกสาร  ไฟล์รูปภาพ  สื่อมัลติมีเดีย  ไฟล์บีบอัด  และรูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถบันทึกเป็นเอกสารออนไลน์ได้    โดยข้อมูลการเก็บรายชื่อเว็บไซต์ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของเว็บไซต์และนำมาจัดเก็บไว้ใน   server   เพื่อให้สามารถค้นหาและแสดงผลได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การทำงานของ  Search Engine   นั้นจะทำงานก็ต่อเมื่อมีคนป้อนคำหรือที่เรียกว่า keyword ลงไปใน   Search Engine  นั้นๆจากนั้น  Search Engine ก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมาการใช้ search engine ที่ดีนั้นคือการค้นหาข้อมูลที่ตรงและถูกต้องตามที่เราต้องการ


ประโยชน์ของ  Search  Engine 


ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้สะดวก  รวดเร็ว  และถูกต้อง

ค้นหาข้อมูลแบบเจาะลึกได้  เช่น  blog  seo  หนัง  รูป  หนังสือ  เป็นต้น
รองรับการค้นหาได้หลายภาษา

        Google.com  เป็น  Search  Engine  ตัวหนึ่ง ซึ่งหากเราจะเรียกแบบบ้านๆ  ตามประสาคนท่องเว็บแล้ว  Search  Engine  ก็คือเครื่องมือในการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง  นอกจาก  Google  แล้วยังมี  Search  Engine  อีกหลายๆ  ที่ชื่อดัง  ที่เราพอจะคุ้นหูคุ้นตาอยู่บ้าง  เช่น  Yahoo  MSN  เป็นต้น

        ซึ่งในปัจจุบัน  Search  Engine  ที่มีคนใช้เยอะที่สุดก็คือ  Google  นั่นเอง  ซึ่งเป็น  Search  Engine  ที่มีคนใช้บริการเยอะมาก  ทั้งๆ  ที่มีให้บริการมาไม่กี่ปีนี่เอง  เปิดมาไม่นานก็แซงหน้าขาใหญ่เดิมอย่าง  Yahoo  ไปชนิดที่เรียกว่ามองไม่เห็นฝุ่น  ก็เพราะว่าด้วยรูปแบบที่ใช้งานง่าย  และรวดเร็วนั่นเอง  แถมเป็นภาษาไทยอีกด้วย ยิ่งถูกใจคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
        ซึ่งปรากฏการณ์  Google  ฟีเวอร์นี่เอง  ที่ทำให้คนส่วนหนึ่ง  ซึ่งส่วนใหญ่เป็น  Webmaster  หันมาทำ  SEO  เจาะที่  Search  Engine  ที่มีชื่อว่า  Google  กันอย่างถล่มทะลาย


ประเภทของ  Search  Engine


1.  แบบอาศัยการเก็บข้อมูลเป็นหลัก

        หลักการนี้เป็นการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า  Crawer - Based  Search  Engine  เป็นเครื่องมือที่ทำการบันทึกและเก็บข้อมูลเป็นหลัก  ซึ่งเป็นประเภท  Search  Engine  ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน  ซึ่งการทำงานประเภทนี้  จะใช้โปรแกรมตัวเล็กๆ  ที่เรียกว่า  Web  Crawer  หรือ Spider  หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  Search  Engine  Robots  หรือที่ีเรียกสั้นๆ ว่า  บอท  ในภาษาไทย  www  คือเครือข่ายใยแมงมุม  ตัวโปรแกรมตัวเล็กๆ  ตัวนี้ก็คือแมงมุมนั่นเอง  โดยเจ้าแมงมุมตัวนี้จะทำการไต่ไปยังเว็บไชต์ต่างๆ  ทั่วโลกอินเตอร์เน็ต  โดยอาศัยไต่ไปตาม  URL  ต่างๆ ขึ้นอยู่กับ  Search  Engine  แต่ละที่ว่าต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง  แล้วเก็บลงฐานข้อมูล  การใช้โปรแกรมกวาดข้อมูลแบบนี้  จะทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำ  และสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้เร็วมาก  Search  Engine  ที่เป็นประเภทนี้ เช่น  Google  Yahoo  MSN

2.  แบบสารบัญเว็บไชต์

        Search  Engine  ที่เป็นแบบนี้มีอยู่หลายเว็บไชต์มาก  ที่ดังที่สุดในเมืองไทยก็คือ  Sanook.com  หรือ  Truehits.com  เป็นต้น  ที่เราจะสังเกตเห็นจาก  Search  Engine  ประเภทนี้ก็คือ  ลักษณะของการจัดเก็บข้อมูลที่แสดงให้เราเห็นทั้งหมด  ว่ามีเว็บอะไรอยู่บ้างในฐานข้อมูล  ซึ่งแตกต่างจากประเภทแรก  ที่หากคุณไม่ค้นหาโดยใช้คำขึ้นต้น  หรือ  Keyword  แล้ว  คุณจะไม่มีทางทราบเลยว่ามีเว็บไซต์อะไรอยู่บ้าง  และมีเว็บอยู่เท่าไหร่แบบสารบัญเว็บไซต์จะแสดงข้อมูลที่รวบรวมเว็บไซต์ที่มีทั้งหมดในฐานข้อมูล  และจะแบ่งเป็นหมวดหมู่  และอาจมีหมวดหมู่ย่อย  ซึ่งผู้ค้นหาข้อมูลสามารคคลิกเข้าไปดูได้
        หลักการทำงานแบบนี้  จะอาศัยเพิ่มข้อมูลจากเจ้าของเว็บไซต์ต่างๆ  ที่ต้องการประชาสัมพันธ์เว็บ  หรืออาจใช้เจ้าหน้าที่ดูแล  ส่วน Search  Engine  เป็นผู้หาข้อมูลมาเพิ่มในฐานข้อมูล  ซึ่งข้อมูลในส่วนของสารบัญเว็บไซต์จะเน้นในด้านความถูกต้องของฐานข้อมูล  ซึ่งข้อมูลเว็บไซต์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาจะถูกตรวจสอบและแก้ไขจากผู้ดูแล

3.  แบบอ้างอิงในคำสั่ง

        Search  Engine  ประเภทนี้จะอาศัยข้อมูลใน  Meta  tag  ซึ่งเป็นส่วยของข้อมูลที่อยู่ในแท็ก  HEAD  ของภาษา  HTML  ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลกับ  Search  Engine  Robots   Search  Engine  ประเภทนี้ไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง  แต่จะอาศัยข้อมูลจาก  Search  Engine  Index  Server  ของที่อื่นๆ  ซึ่งข้อมูลจะมาจาก  Server  หลายๆที่  ดังนั้นจึงมักได้ผลลัพธ์จากการค้นหาที่ไม่แม่ยำ


Search  Engine  ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน  ได้แก่


         http://www.sanook.com

               http://www.sanook.com/
         http://www.google.com
               https://www.google.co.th/
         http://www.yahoo.com
               http://www.yahoo.com/
         http://www.msn.com
               http://th.msn.com/?rd=1&ucc=TH&dcc=TH&opt=0&tc=1
         http://www.live.com
               https://login.live.com/login.srf?wa=wsignin1.0&rpsnv=11&ct=1355467277&rver=6.1.6206.0&wp=MBI_SSL_SHARED&wreply=https:%2F%2Fmail.live.com%2Fdefault.aspx%3Frru%3Dhome%26livecom%3D1&lc=1054&id=64855&mkt=th-th&cbcxt=mai
         http://www.baidu.com  (  Search  Engine  อันดับ 1 ของประเทศจีน )
               http://www.baidu.com/
         http://www.ask.com
               http://www.ask.com/
            





วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555


ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 รูปแบบ ดังนี้ต่อไปนี้ คือ
1.เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ,กล้องดิจิทัล กล้องถ่ายวีดีทัศน์ เครื่องเอกซเรย์
2.เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก จานแสงหรือจานเลเซอร์ บัตรเอทีเอ็ม
3.เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
4.เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลเช่น เครื่องพิมพ์ จอภาพ พลอตเตอร์ ฯลฯ
5.เทคโนโลยีที่ใช้ในการาจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
6.เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสรข้อมูล ได้แก่ ระบบโทรคมนามต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง โทรเลข และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และระยะไกล
ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมีการนำเอาเทคดนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในทางธัรกอจและการศึกษาดังตัวอย่างเช่น
-ระบบเอทีเอ็ม
-การบริการและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต
-การลงทะเบียนเรียน
พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสานสนเทศคืออะไร
การแสดงออกทางความคิดแบะความรู้สึกในการใข้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ ภาพ ข้อความ หรือ ตัวอักษร ตัวเลขและภาพเคลื่อนไหว เป็นต้น

การใช้อินเทอร์เน็ต
งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักศึกษาในสาถาบันอุดมศึกษาพบว่า
นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ในขณะที่การใช้อินเตอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเรียนรู้ การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา
ใช้อินเทอร์เน็ต ทำอะไรได้บ้าง?
งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษาใช้อินเทอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อนๆ และการค้นข้อมูลจากห้องสมุด
นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และประกอบการทำรายงาน
สถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
งานวิจัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านเละมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน
นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อย ในรูปแบบไหนบ้าง?
งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้น้อย ได้แก่ ฐานข้ามูลอิเล็กทรอนิกส์ การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ e-Learning วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย (video on Demand) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกัยการเรียนการสอน
• การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)
• บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction-CAI) หรือ (Computer Aided Instruction)
• วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand-VOD)
• หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
• ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)
การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning)
เป็นการศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต (Internet) หรืออินทราเน็ต (Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตามความสามารถแบะความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความรูปภาพเสียง วิดีโอและมับติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนป่างเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser)โดยผู้เรียนผู้สอนเพื่อนร่วมชั้นเรยนทุกคน สามารถติดต่อปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ
โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยสำหรับทุกคน โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ (Learning for all: anyone,anywhere and anytime)
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Intruction-CAI) คือ บทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งนำเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างแบะพิจารณามาเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศแบบฝึกหัดการทดสอบแบะการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามารถของตนเอง เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดีย ซึงประกอบด้วย อักษร รูปภาพ เสียงแบะหรือทั้งภาพและเสียงซึ่งมีพื้นฐานมาจากกานำหลักการเบื้องต้นทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาใช้การออกแบบ
โดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้ (Learning Behvior)ทฤษฏีการเสริมแรง (Reinforcement Theory)ทฤษฏีการวางเงื่อนไขปฏิบัติ (Operant Conditioning Theory) ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้าเป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ไดด้วยตนเองและมีผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถ
• วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video on Demand-VOD)
คือ ระบบการเรียกดูภาพยนตร์ตามสั่งที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนตร์หรือข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการ ตามสโลแกนที่ว่า “To view what one wants, when one wants” โดยสามารถใช้งานนี้ได้จากเครือข่ายสื่อสาร (Telecommunications Networds) ผู้ใช้งาน ซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย (Video Client) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อตามต้องการและสามารถควบคุมข้อมูบวิดีโอนั้นๆ โดยสามารถย้อนกลับ (Rewind)หรือกรอไปข้างหน้า (Forward) หรือหยุดชั่วคราว (pause)ได้เปรียบเสมือนการดูวิดีโอที่บ้านนั่นเองทั่งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกันกล่าวคือสามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกันหรือต่างกันก็ได้

• หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทางอินเทอร์เน็ต โดยมีเครื่องมือที่จำเป้ในการอ่านหนังสือประเภทนี้คือ ฮาร์ดแวร์ ประเภทเรืองคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ พร้อมทั้งติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้อ่านข้อความต่างๆ ตัวอย่างเช่น ออร์แกไนเซอร์แบบพกพา พีดีเอ เป็นต้น ส่วนการถึงข้อมูล e-books ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะวิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ ลักษณะไฟล์ของ e-books หากนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ต้องการสร้าง e-books จะสามารถเลือกได้สี่รูปแบบ คือ Hyper Text Markup Language (HTML) , Portable Document Format (PDF),Peanut Markup Language (PML)และ Extensive Markup Language (XML)
• ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library)
เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
คุณลักษณะที่สำคัญของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์มีดังนี้ คือ
1. การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
2. ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์
3. บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
4. ความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สารสนเทศ
ความหมายของสารสนเทศ
   สารสนเทศ หมายถึงข่าวสารที่สำคัญ เป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้น และจัดทำขึ้นภายใน
   องค์การต่างๆ ตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์การนั้นๆ
  
   สารสนเทศ ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Information หมายถึง ความรู้ที่ได้จากการ
   ศึกษาค้นคว้า
   สารสนเทศเป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษ ทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์
   ในการนำไปใช้ปฏิบัติ
 
   สารสนเทศ มีความหมายตามที่ได้มีการให้คำจำกัดความที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้
   สารสนเทศ หมายถึงข้อมูลทั้งด้านปริมาณและด้านสุขภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่เปรียบเทียบ
   และวิเคราะห์และสามารถนำไปใช้ได้ หรือนำมาประกอบการพิจารณาได้สะดวกกว่าและง่ายกว่า

เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร
        เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที (IT)
 เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ การประมวลผล
 และการแสดงผลสารสนเทศ

องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ
       เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย องค์ประกอบ หลัก 2 ส่วนคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
       และเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม(Telecommunication Technology)

1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
      คอมพิวเตอร์จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบัน เนื่องจาก
 คอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านการบันทึก การจัดเก็บ การประมวลผล การแสดงผล
 และการสืบค้นหาข้อมูล
 สารสนเทศเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นเทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้ 2 ส่วน คือ
 เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์
      - เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ หมายถึง อุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ 
 อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเพื่อเชื่อมโยงจำแนกตามหน้าที่การทำงานออกเป็น 4 ส่วน คือ
         1. หน่วยรับข้อมูล
         2. หน่วยประมวลผลกลางหรืซีพียู : cpu
             (Central Processing Unit)
         3. หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit)
         4. หน่วยความจำสำรอง  ( Secondary Storage Unit)
      - เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ (Software)
หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่หน้าที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
     1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System  Software)
หรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแว์และซอฟต์แวร์ทำงานตามคำสั่ง
     2. ซอฟต์ประยุกต์ (Application Software)
คือชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ส่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ

วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
Information and Communication Technology for Teachers
รหัส PC54504           3(2-2-5)


คำอธิบายรายวิชา
          ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโยีสารสนเทศและ
การสื่อสาร เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ก
ระบบซอฟต์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกการปฏิบัติ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและใช้เทศโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
Assignment 1
1. จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ตามความเข้าใจของนักเรียนเอง
     ตอบ    - เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิด
                 ประโยชน์
               - เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ การสื่อสารหรือ
                 เครื่อข่าย
                 โทรคมนาคมที่เชื่อมต่อกันและนำไปใช้ในการส่งและรับข้อมูลและมัลติมิเดียเกี่ยว
                 กับความ รู้หรือเหตูการณ์ที่เกิดขึ้น
              - เทคโนโลยีการสื่อสาร หมายถึง การนำสื่อหรือข้อมูลของฝ่ายหนึ่งส่งให้อีกฝ่ายหนึ่ง
                ประกอบด้วยผู้ส่งสารหรือแหล่งกำเนิด ช่องทางการส่งข้อมูล
2. Cyber Bully หมายถึงอะไรหรือปรากฎการณ์ใด จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
    ตอบ    - การกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์อาจรวมถึงสิ่งพิมพ์หรือการส่งผ่านข้อมูลที่เป็นเรื่อง
                ส่วนตัวของ
               คนหนึ่งไปยังสถานที่หนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของ เช่น การเซฟภาพ
                เจ้านายใส่ชุด
               ว่ายน้ำในวันพักผ่อนจากเฟชบุ๊คของเจ้านายไปเพยแพร่ เป็นต้น